สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่จะสามารถอยู่ได้อย่างคงทนหากไม่เปลี่ยนแปลงหรือประตัวไปพร้อม ๆ กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
Disruptive Technology คือ นวัตกรรมเทคโนโลยีที่สร้างตลาดและมูลค่าให้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ของตลาดเดิม ๆ อาจทำให้เทคโนโลยีที่มีอยู่ล้มตายไป ธุรกิจจึงต้องเอาตัวให้รอด ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ยี่ห้อ Nokia หรือการเก็บข้อมูลในแฟ้ม การเก็บข้อมูลใน Memery Card ที่หายไป
Clayton Christensen เผยแพร่แนวคิดเรื่องเทคโนโลยีก่อกวนใน The Innovator’s Dilemma ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1997 นับแต่นั้นมาได้กลายเป็นคำศัพท์ในธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดใจผู้คนจำนวนมาก แม้แต่บริษัทสตาร์ทอัพที่มีทรัพยากรจำกัดก็สามารถมุ่งเป้าไปที่ Disruptive Technology ได้ด้วยการคิดค้นวิธีใหม่ในการทำบางสิ่งให้สำเร็จ กลับกันบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมานานมักจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดและทำการปรับปรุงทีละส่วนมากกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงใหม่ซะหมด พวกเขามุ่งตอบสนองลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดและมีความต้องการมากที่สุด
การสร้างความสำเร็จของ Disruptive Technology
ตามเคลย์ตัน คริสเตนเซ่น Disruptive Technology จะประสบความสำเร็จเพราะสิ่งต่อไปนี้
1. โมเดลธุรกิจควรเป็นนวัตกรรม โมเดลธุรกิจที่กำหนดเป้าหมายไปที่ลูกค้าระดับล่างหรือกลุ่มลูกค้าใหม่จะช่วยในความสำเร็จของ Disruptive Technology
2. Value network เมื่อประสบความสำเร็จ เครือข่ายซัพพลายเออร์ ลูกค้า และผู้จัดจำหน่ายก็เจริญรุ่งเรืองเช่นกัน
3. เทคโนโลยีที่เปิดใช้งาน (Enabling technology) Disruptive Technology สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงได้และราคาไม่แพงสำหรับผู้ชมจำนวนมาก
เพื่อเป็นการเปิดกว้างสำหรับธุรกิจที่ถูก Disruptive Technology การกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่ถูกมองข้ามและเข้าสู่สถานะทางอุตสาหกรรมจะช่วยได้ แต่บริษัทหรือธุรกิจส่วนใหญ่แล้วมักขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับภัยคุกคามใหม่ ๆ ซึ่งนั่นเป็นส่วนช่วยให้ผู้ที่มีความสำเร็จไม่ถูก Disruptive Technology เมื่อเวลาผ่านไปจะสามารถแย่งชิงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
นอกจากนั้น Disruptive Technology นั้นยากต่อการเตรียมการเพราะอาจเกิดขึ้นได้อย่างกระทันโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จนเป็นสาเหตุของการที่เทคโนโลยีเดิม ๆ การตลาดเดิม ๆ ผลิตภัณฑ์เดิม ๆ นั้นหายออกไปจากตลาดในที่สุด
Disruptive Technology เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานาน และเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมบริษัทหรือธุรกิจจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและลองทำสิ่งใหม่ ๆ การท้าทายใหม่ ๆ ที่เข้ามา การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่อยู่นอกกรอบดูบ้าง หากธุรกิจไม่ปรับตัว กลัวการเปลี่ยนแปลงหรือไม่กล้าที่จะปรับตัวให้ไปพร้อมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็อาจจะโดนกลืนหายไปได้ในที่สุด
ที่มา : https://www.investopedia.com/terms/d/disruptive-technology.asp